การวิเคราะห์ SWOT คือเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง หรือ องค์กรสามารถทำมาวิเคราะห์ได้ในหลากหลายรูปแบบ

 การวิเคราะห์ SWOT คืออะไร

SWOT คือการแจกแจงข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์อย่างเป็นหลักการทีละขั้นตอนอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจกับบริษัทและธุรกิจเป็นระยะ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลในทางบวกและลบ การวิเคราะห์ SWOT ทำให้เราสามารถค้นพบศักยภาพที่แท้จริงของธุรกิจ

SWOT เป็นตัวย่อของ Strength, Weakness, Opportunity และ Threat ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่เรียบง่าย และมีประสิทธิภาพในการทำความเข้าใจและพัฒนากลยุทธ์ของบริษัท โดยการวิเคราะห์ปัจจัยภายในอย่างจุดแข็งและจุดอ่อน เช่น วัฒนธรรมของบริษัท พนักงาน และผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงปัจจัยภายนอกอย่างโอกาสและอุปสรรคต่าง ๆ เช่น คู่แข่ง ผู้ค้าปลีก นักลงทุน ศรษฐกิจปัจจุบัน และขนาดของตลาด ซึ่งเราสามารถใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมในการคว้าโอกาสที่ดีและรับมือกับอุปสรรคที่เกิดขึ้นได้


การวิเคราะห์ SWOT ถูกคิดค้นโดย Albert Humphrey ในปี 1960 ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการที่ Stanford Research Institute บริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 โดยต้องการหาวิธีในการวางแผนเป้าหมายระยะยาวและความสำเร็จ

การวิเคราะห์ SWOT โดยทั่วไปควรเป็นอย่างไร?

ไม่ว่าเราจะทำงานคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม การเริ่มต้นระดมสมองและความคิดอาจเป็นเรื่องยาก การวิเคราะห์ตามหลักการต่อไปนี้ จะทำให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน

จุดแข็ง (Strength)

จุดแข็งคือปัจจัยภายในที่กำหนดความแข็งแกร่งและความสำเร็จของบริษัท เช่น พนักงาน ผลิตภัณฑ์ และบริการ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือลูกค้าของเรารับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของบริษัทเรา เราสามารถวิเคราะห์และใช้เทคนิคที่ดีกว่าเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ ตัวอย่างคำถามที่ต้องหาคำตอบเพื่อการวิเคราะห์จุดแข็ง เช่น: 

  • เราทำอะไรได้ดีที่สุด?

  • สิ่งที่เราทำได้ดีกว่าคู่แข่งคืออะไร?

  • อะไรทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่งของเรา?

  • แหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดของเราคืออะไร?

  • เราให้ประโยชน์อะไรแก่พนักงานของเรา?

  • ลูกค้าของเราชอบอะไรเกี่ยวกับธุรกิจของเรา?

  • เรามีสินทรัพย์ที่มีค่าอะไรบ้าง?

จุดอ่อน (Weakness)

จุดอ่อนคือปัจจัยที่ส่งผลกระทบทางลบต่อธุรกิจ ข้อเสียหรือข้อจำกัดถือเป็นจุดอ่อน และเป็นปัจจัยภายในที่สามารถเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงได้ ตัวอย่างคำถามที่ต้องหาคำตอบเพื่อการวิเคราะห์จุดอ่อน เช่น: 

  • เรามีอะไรที่ไม่ดี ที่ต้องปรับปรุง?

  • คู่แข่งของเราทำอะไรได้ดีกว่าเรา?

  • อะไรที่ไม่ทำให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จ?

  • ทำไมลูกค้าของเราถึงไม่พอใจกับสินค้าและบริการของเรา?

  • เราสามารถปรับปรุงแก้ไขอะไรได้บ้าง?

โอกาส (Opportunity)

โอกาสเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การสำรวจไอเดียใหม่ ๆ ซึ่งสามารถนำไปใช้ต่อยอดธุรกิจได้ โอกาสเป็นปัจจัยภายนอกอย่างหนึ่งที่ส่งผลในเชิงบวกกับธุรกิจ ตัวอย่างคำถามที่ต้องหาคำตอบเพื่อการวิเคราะห์โอกาส เช่น: 

  • มีโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดที่เราสามารถเข้าถึงได้หรือไม่?

  • แนวโน้มของตลาดเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของเราหรือไม่?

  • เรายังไม่ได้ติดตามโอกาสอะไรบ้าง?

  • มีวิธีที่เราจะได้ทรัพยากรใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจหรือไม่?

อุปสรรค (Threat)

อุปสรรคก็เป็นปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณในทางลบ ปัจจัยเหล่านี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา แต่เราสามารถวางแผนรับมือล่วงหน้าและหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับธุรกิจ ตัวอย่างคำถามที่ต้องหาคำตอบเพื่อการวิเคราะห์อุปสรรค เช่น: 

  • คู่แข่งของเราคือใคร?

  • ผู้เข้าร่วมรายใหม่เป็นอุปสรรคต่อธุรกิจหรือไม่?

  • สภาพแวดล้อมของตลาดเอื้ออำนวยหรือไม่?

  • อุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด แล้วส่งผลกระทบในเชิงลบต่อธุรกิจของเราหรือไม่?

  • มีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่อาจส่งผลเสียต่อธุรกิจหรือไม่?

  • ผู้ผลิตของเราน่าเชื่อถือหรือไม่?

  • ต้นทุนเพิ่มขึ้นหรือไม่?

ทำไมต้องมีการวิเคราะห์ SWOT

ทุกธุรกิจไม่ว่าจะอยู่ในขั้นใดต้องมีการวิเคราะห์เป็นระยะว่า บริษัทของเรามุ่งหน้าไปสู่อนาคตอย่างไร? มีคู่แข่งรายใหม่เข้าสู่ตลาดหรือไม่? เราสามารถเพิ่มรายได้ของไตรมาสนี้อย่างไร? และต้องคิดว่าอะไรที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจ? ไม่ว่าในกรณีใดการวิเคราะห์ SWOT จะช่วยให้เราเห็นโอกาสที่ดีกว่าซึ่งเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ ตัวอย่างประโยชน์ของการใช้ SWOT: 

1.ทุกคนสามารถทำได้

สิ่งที่ดีที่สุดของการวิเคราะห์ SWOT คือทุกคนสามารถทำได้ สามารถนำไปใช้กับบริษัทใด ๆ ในอุตสาหกรรมใด ๆ ก็ได้ และแม้แต่บุคคลก็สามารถลิสต์จุดแข็ง จุดอ่อน อุปสรรค และโอกาส ในการไปถึงเป้าหมายในชีวิตของพวกเขาได้

2.วาดตารางได้ง่าย

ความเรียบง่ายของการวิเคราะห์นี้ทำให้กลายเป็นที่นิยมมาก สิ่งที่ต้องทำคือแค่สร้างตาราง 4 ช่อง ตามอย่างในภาพด้านบน เท่านี้ก็สามารถทำการวิเคราะห์ SWOT ได้

3.ทำได้ง่าย

การวิเคราะห์ SWOT ไม่จำเป็นต้องมีการฝึกอบรมทักษะทางเทคนิคมาก่อน เพราะความเรียบง่ายของการวิเคราะห์ SWOT ทำให้ทุกคนสามารถเข้าใจและทำได้ง่าย

4.ต้นทุนต่ำ

เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ การวิเคราะห์ SWOT นั้นไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่ต้องทำก็คือคิดจุดแข็ง จุดอ่อน อุปสรรค และโอกาส ของบริษัทเท่านั้น

5.ให้ข้อมูลที่ครอบคลุม

การวิเคราะห์ SWOT นั้นใช้ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงปริมาตรจำนวนมาก การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดสามารถนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นของบริษัท

ทำการวิเคราะห์ SWOT ได้อย่างไร?

การวิเคราะห์ SWOT นั้น ไม่มีวิธีการวัดที่ชัดเจนว่าเราทำได้ดีเพียงใด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถในการสังเกตและตระหนักถึงปัจจัยภายในและภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเรา การวิเคราะห์ SWOT โดยทั่วไปต้องได้รับการตรวจสอบจากผู้มีอำนาจในการตัดสินใจของบริษัทหรือหัวหน้าแผนก อย่างไรก็ตามเราควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าแต่ละกลุ่มไม่ใหญ่เกินไป เพราะทำให้ยากที่จะรวบรวมและวิเคราะห์ 

ดังนั้นพนักงานทุกคนสามารถทำความเข้าใจและค่อยศึกษาโดยการเรียกทุกคนในแผนกมานั่งระดมสมองด้วยกัน ให้ทุกคนคิดถึงจุดแข็ง จุดอ่อน อุปสรรค และโอกาสของบริษัท เมื่อรวบรวมความคิดทั้งหมดแล้ว เราลองนำมาจัดเรียงและลบคำตอบที่ซ้ำกันได้ ขั้นตอนหลังจากนี้ค่อนข้างง่าย เพราะเราจะเห็นถึงข้อดีและข้อเสียต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

MSDS กับ SDS ต่างกันอย่างไร

ปจ.1 คือ